โอกาสของธุรกิจอาหาร กับเทรนด์กัญชากัญชง

     กัญชง-กัญชากลายเป็นกระแสธุรกิจที่น่าจับตาและกำลังเป็นเทรนด์ของผู้บริโภคในประเทศไทย จึงมีการปรับเปลี่ยน กฎหมายที่เกี่ยวข้อง กับกัญชง-กัญชาเพื่อเปิดทางสู่การนำไปใช้เชิงพาณิชย์มากขึ้น จึงเป็นโอกาสที่ดีในการนำมาเป็น โมเดลธุรกิจใหม่ อย่างอาหารสายเขียว เมนูคนรักสุขภาพรูปแบบใหม่ ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านกัญชาย้ำ กินเท่าไหร่ก็ไม่เมา และได้เป็นที่พูดถึงกันอยู่ ไม่น้อย เมื่อมีการปลดล็อกอนุญาตให้ประชาชนทุกคนสามารถช้ประโยชน์จากส่วนของ กัญชง กัญชา ที่ไม่จัดเป็นยาเสพติดได้ และสามารถนำใบกัญชาไปประกอบอาหารเพื่อรับประทานในครัวเรือน หรือ จำหน่ายในร้านอาหารของ ตัวเองสามารถทำได้โดยไม่ผิดกฎหมาย แต่ต้องมาจากผู้ได้รับอนุญาตปลูกที่ถูกต้องตาม กฎหมาย 

​(อ่านต่อ...)

ตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค. 64 เป็นต้นไป ทางกระทรวงสาธารณสุขได้อนุญาตให้มีการผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 5 เฉพาะกัญชง (Hemp) โดยทุกภาคส่วนทั้งเกษตรกร  ภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั่วไป สามารถขออนุญาตปลูกกัญชงได้ทุกวัตถุประสงค์ ตั้งแต่ การค้า การแพทย์ การศึกษา วิจัย การใช้ตามวิถีชีวิต ประเพณี วัฒนธรรม หรือผลิตเมล็ดพันธุ์รับรอง ซึ่งสามารถนำส่วนต่าง ๆ ของกัญชงไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ เช่น ช่อดอกนำไปผลิตยา สารสกัดจากกัญชง ใบนำไปผลิตอาหาร ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เครื่องสำอาง น้ำมันจากเมล็ดกัญชง นำไปผลิตเป็น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เครื่องสำอาง สารสกัดจากกัญชงนำไปผลิตเป็นเครื่องดื่ม เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์สมุนไพร เป็นต้น

     เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้มีมติเห็นชอบใน 2 ประเด็นคือ

1. ให้ใช้ส่วนของกัญชงและกัญชาที่ไม่เป็นยาเสพติด (THC น้อยกว่า 0.2%) ในผลิตภัณฑ์อาหารได้
   
2. อนุญาตให้ใช้ เมล็ดกัญชง น้ำมันจากกัญชง โปรตีนจากเมล็ดกัญชง ในผลิตภัณฑ์อาหารได้ 

     นอกจากนี้ทาง องค์การอาหารและยา (อย.) ยังให้เอกชนที่สนใจสามารถลงทะเบียน เพื่อขอปลูกกัญชงในพื้นที่ขนาดใหญ่เพื่อธุรกิจได้ ส่วนประเภทเครื่องดื่มและอาหารอาหารเสริม เครื่องสำอาง ฯลฯ จะมีการทยอยออก กฎหมายมารองรับภายใน 4 เดือน ซึ่งจะอยู่ในช่วงพฤษภาคม พ.ศ.2564

     เรียกว่า กระแสแรงไม่ตกสำหรับผู้บริโภคที่สนใจในอาหารที่มีส่วนประกอบของ "กัญชา-กัญชง" ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็มีกระแสในโซเชียล กับ การแชร์เมนูอาหาร "มาชิมกัญ" ของหน่วยงานหนึ่ง จากโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่ได้นำส่วนที่ปลดล็อกมาทำเป็นเมนูอาหาร เช่น เมนูรื่นเริงบันเทิงยำ ข้าวกะเพราสุขใจ เล้งแซ่บซดเพลิน ขนมปัง คิกคิก และอีกหลายเมนู เรียกกระแส ความอยากลิ้มลองได้ไม่น้อยของเหล่าสาวกสายเขียว ไม่เพียงแต่ เมนูอาหาร "มาชิมกัญ" เท่านั้น ที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง ต่อมาร้านขนมครกใบเตยชื่อดังย่าน สยามแสควร์ ประกาศ เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ คือ  "ขนมครกใบเตยผสมกัญชา" ซึ่งกัญชาที่นำมาผสมในขนมนั้น มีการการันตีว่า เลือกสายพันธุ์มาอย่างดี ควบคุมการปลูก ขั้นตอนการเก็บเกี่ยวไปจน ถึงกระบวนการขนส่งจนถึงร้าน อีกทั้งยัง เพจเฟซบุค “บ้านตุลย์” อ.เมือง จ.ระยอง เปิดให้ลองชิมเมนูจากกัญชา จากเดิมที่ร้านเปิดขายอาหาร และ    เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ทั้งไข่เจียวใบกัญชา แกงไก่บ้านใบกัญชา กะเพราใบกัญชา ข้าวเนื้อตุ๋นใบกัญชา ฯลฯ โดยกัญชาที่ใช้เป็นกัญชาออร์แกนิกส์มีใบอนุญาตจากแหล่งที่ได้รับการอนุญาตให้ปลูกกัญชาถูกต้อง

     ไม่ใช่กระแสกัญชา-กัญชง จะแรงในแวดวงธุรกิจเกี่ยวกับร้านอาหารเท่านั้น กระแสก็ยังแรงต่อเนื่องไปยังบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ ที่มีการเตรียมความพร้อมขยายไปยังธุรกิจกัญชา-กัญชง แฟรนไชส์กัญชา-กัญชง พัฒนาผลิตภัณฑ์ จาก กัญชง อาทิ น้ำมันอโรมากัญชง ซอสพริกจากกัญชง สเปรย์ดับกลิ่นปากจากกัญชง เป็นต้น ก็ต้องจับตาว่า พืชเศรษฐกิจใหม่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศและผลักดันผลิตภัณฑ์ ธุรกิจอาหารจาก กัญชง-กัญชา ของไทยไปได้ไกลแค่ไหนในอนาคต

---